ปัจจุบันมีเกมแนว BATTLE ROYALE หลายเกมที่ได้รับความนิยมจากเกมเมอร์ แต่เกมที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดคือ Free fire

แม้ว่าเกมดังอย่าง Apex Legends จะมีผู้ใช้งานลงทะเบียนเล่นเกมกว่า 50 ล้านยูสเซอร์ หรือเกมอย่าง PUBG ก็มีผู้ใช้งานพอๆกัน แม้กระทั่ง Fortnite ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและมีผู้ลงทะเบียน 250 ล้านคน แต่เกมแนว battleground  ที่มีกฏง่ายๆคือการเอาตัวรอดให้ได้เป็นคนสุดท้ายที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในตอนนี้กลับเป็นเกมอย่าง Free fire  จากค่าย Garena ที่มีคนลงทะเบียนเล่นเกมกว่า 450 ล้านคนทั่วโลก โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามีคนลงทะเบียนใหม่กว่า 73 ล้านยูสเซอร์ ทำเงินไปกว่า 90 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2,830 ล้านบาท)

สำหรับตลาดเกมมือถือ ถือว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีการสำรวจว่ามีผู้เล่นถึง 2.3 พันล้านคน โดยสาเหตุที่ทำให้เกม Free fire ได้รับความนิยมมาจากการที่เกมออกแบบมาให้เล่นได้จากมือถือที่สเปคต่ำ อาทิเกม Free fire ต้องการแรม 1GB ในขณะที่คู่แข่งอย่าง PUBG Mobile  ต้องการ 2GB และ Fortnite  ต้องการถึง 3GB นอกจากนี้ขนาดของเกมในตัวเครื่องก็มีขนาดเล็กกว่าคู่แข่ง 

และนอกจากเกมที่ถูกออกแบบมาให้เครื่องที่สเปคต่ำเล่นได้ไหลลื่นแล้วยังมีอีกหลายเหตุผลที่ทำให้ free fire เป็นเกม battleground ที่ยืนหนึ่งในตอนนี้

เล่นง่าย ชนะง่าย

เกมถูกออกแบบมาให้เล่นได้ง่ายและเกมแต่ละเกมที่แข่งขันใช้เวลาไม่นานมากนัก แถมคู่แข่งก็มีเพียง 50 คน ซึ่งแตกต่างกับเกมอื่นที่มีคนร่วมเล่น 100 คน และแผนที่ในเกมก็มีขนาดที่เล็กกว่า แถมเกมยังถูกจำกัดเวลาเอาไว้ที่ 10 นาทีต่อ 1 เกม  ในขณะที่เนื้อหาของเกมไม่ได้แตกต่างอะไรกับเกมแนวเอาตัวรอดอื่นๆที่เริ่มจากการกระโดดร่มลงจากเครื่องบินแล้วไปเก็บอุปกรณ์และอาวุธต่างๆ พร้อมๆกับพื้นที่ในเกมที่ถูกจำกัดลงเรื่อยๆ โดยผู้เล่นต้องฆ่าฝ่ายตรงข้ามเพื่อเหลือรอดเป็นคนสุดท้าย ส่วนการบังคับก็ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายทั้งการเคลื่อนที่และการเก็บของรวมไปถึงการเล็งและยิง

มีฮีโร่ให้เลือกเล่น

เกมในแนวเอาตัวรอดอื่นๆมีโหมดการแต่งตัวและสกินต่างๆที่ทำให้ผู้เล่นมีความแตกต่างกับผู้เล่นคนอื่นๆในเกม แต่ในเกม free fire จะมีฮีโร่ให้เลือกเล่นพร้อมกับแต่ละตัวจะมีสกิล หรือความสามารถที่ติดตัวมาด้วย โดยที่แต่ละตัวมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไปให้ผู้เล่นได้เลือกใช้ตามที่ตัวเองถนัด

เข้าใจความต้องการของผู้เล่น

หัวใจของความสำเร็จของ Garena กับเกม Free fire คือการที่พวกเขาเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับสังคมของคนที่เล่นเกมนี้ และรู้วิธีการที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษ ด้วยการสร้างรูปแบบเกมที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ อาทิเช่น ประเทศไทยมีเทศกาลสงกรานต์ หรือว่าที่บราซิลก็มีเทศกาลคานิวัล นอกจากนี้ก็ยังให้ความสำคัญกับ E-sport โดยที่มีการจัดแข่งชิงแชมป์โลก และสร้างปรากฏการณ์ผู้เข้าชมอย่างถล่มทลาย